รีวิวพร้อมผลทดสอบ ASUS ENGT430 ครั้งแรกกับ VPC!

สวัสดีเพื่อนๆชาว VPC ทุกๆท่านนะครับ วันนี้ทางเว็บ VPC ของพวกเราก็ได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกจากบริษัทฮาร์ดแวร์ชั้นแนว หน้าของโลกอย่าง อัสซุส โดย อัสซุส ประเทศไทย เขาได้ไว้วางใจส่งผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์มาให้เราทำการทดสอบประสิทธิภาพของกรา ฟฟิคการ์ด 2 รุ่น โดย 1 ใน 2 รุ่นที่จะถูกนำมารีวิวและทำการทดสอบเบื้องต้นในวันนี้ก็จะเป็นกราฟฟิคการ์ ดตัวใหม่ที่มาจากทางค่ายเขียวอย่างชิพเซ็ต nVidia โดยจะมีมากับชื่อรุ่นว่า ASUS ENGT430 จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูล 400 ซีรี่ย์อยู่ ณ เวลานี้นั่นเอง โดยส่วนหลักๆของกราฟฟิคการ์ดรุ่นนี้ จะเน้นไปในตลาดระดับล่าง เพื่อตอบสนองการใช้งานในเกมให้ดูดียิ่งขึ้น หรือถ้าหากเพื่อนๆกำลังมองหากราฟฟิคการ์ดไว้สำหรับนำมาประกอบเป็นเครื่องโฮ มเธียเตอร์พีซี (HTPC) เป็นหลัก ก็สามารถทำได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไปอีกด้วย

กราฟฟิคการ์ด ASUS ENGT430 ใบนี้ จะมากับชิพเซ็ตหลักอย่าง Nvidia GeForce GT430 (ชิพ GPU จะใช้สถาปัตยกรรมบน GF108 Fermi) และเป็นการ์ดที่มีขนาดเล็ก แบบ Low Profile ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานกับเคสและเมนบอร์ดที่เป็นแบบ Mini ITX โดยเฉพาะ เพื่อการใช้งานเป็นเครื่องเล่นโฮมเธียเตอร์พีซี (HTPC) และรองรับ เฮชดี บลูเรย์ 3 มิติ (HD Bluray 3D) ได้อย่างเต็มรูปแบบกันเลยทีเดียว แล้วนอกจากนี้ยังรองรับการทำงาน DirectX 11 ร่วมกับ Windows 7 ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยครับ

โดยเมื่อตัวการ์ดถูกส่งมาถึงมือผม ก็จับมาเป็นนายแบบสุดหล่อซะเลย ไม่ว่าจะเป็นแพคเกจกล่องด้านหน้า (ถ้าสังเกตดูให้ดี จะพบว่าบนตัวกล่อง จะบ่งบอกจุดเด่นให้ทราบถึงระบบระบายความร้อนจากพัดลมและฮีตซิ๊งค์บนตัวการ์ด “Dust-proof Fan” ออกแบบมาให้เย็นขึ้นถึง 25% แน่ะครับ

และด้านหลัง จะมีอีก 2 ฟีเจอร์เด่นที่จะขาดไปเสียมิได้ และมีมากับการ์ดรุ่นนี้อย่างเช่น Fuse Protection จะช่วยป้องกันความเสียหาย หากเกิดการจ่ายไฟฟ้าที่ผิดปกติ เช่น ไฟดับ, ไฟกระชาก หรือมีความร้อนสูงผิดปกติ และ GPU Guard ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับแผงวงจร

เมื่อแกะกล่องออกมา จะเห็นว่าอุปกรณ์ทั้งหมดอยู่กันครบชุดครับ ไม่ว่าจะเป็น ตัวกราฟฟิคการ์ด, แผ่นคู่มือ, ไดร์เวอร์ รวมทั้งแบร็คเกท สำหรับถอดเปลี่ยนไปใช้งานร่วมกับเคสแบบ Mini-ITX

เรามาดูตัวการ์ดใกล้ๆกันบ้างครับ โดย ณ ตำแหน่งแบร็คเกทจะมี 3 พอร์ตมาตรฐานที่สามารถเลือกเชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์ได้ทั้ง D-Sub, HDMI และ DVI มาให้เลือกใช้งานกันตามใจชอบเลย และยังมีในส่วนของอุปกรณ์แบร็คเกทที่ใช้งานร่วมกับเคสแบบ ATX, Micro-ATX ตรงนี้เราสามารถถอดเปลี่ยนได้จากคอนเน็กเตอร์ที่แผง PCB และขันน็อตออกเพียง 1 ตัวเท่านั้น ก็สามารถเปลี่ยนแบร็คเกทไปใช้งานร่วมกับเคส Mini-ITX ได้อย่างง่ายดายแล้ว

ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยงามไปหมดเลยครับ ตั้งแต่พอร์ตเชื่อมต่อ, แบร็คเกท, มอสเฟต, C แบบ Solid ที่ช่วยทำให้กราฟฟิคการ์ดรุ่นนี้ทนความร้อนสูงมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงฮีตซิ๊งค์และพัดลมระบายความร้อนด้วย

ฮีตซิ๊งค์ระบายความร้อนและพัดลม ที่ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นให้กับการ์ดใบนี้ที่ว่า “Dust-proof Fan” จะช่วยเป่าความร้อนออกจากตัวการ์ดได้สูงถึง 25% เลยทีเดียว ว้าวววว

และภาพด้านหลังของตัวกราฟฟิคการ์ด และการจัดวางอุปกรณ์บนแผง PCB แบบเต็มๆ

และที่ขาดไปเสียมิได้กับจุดเด่นอีกหนึ่งจุดของการ์ดใบนี้ นั่นก็คือ ระบบการจ่ายไฟบนตัวการ์ดแบบ 2 เฟส ซึ่งจะช่วยทำให้กราฟฟิคการ์ดตัวนี้สามารถทำงานได้อย่างเสถียรมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เรามาดูอุปกรณ์ที่จะใช้ทำการทดสอบประสิทธิภาพกันบ้างครับ

เนื่องจากตัวซีพียู Core i5-760 ตัวนี้ ผมเพิ่งถอยมาสดๆร้อนๆวันนี้นี่เอง ยังไม่คุ้นมือ ก็คงต้องทดสอบด้วยความเร็วเดิมๆไปก่อนนะครับ (ความจริงก็คือ ยังโอเวอร์คล็อกซีพียูตัวนี้ไม่แข็งแรง และความร้อนขึ้นสูง ควบคุมความร้อนไม่ได้นั่นเอง 555+)

และภาพบรรยากาศหลังจากรื้ออุปกรณ์ที่ผมเคยใช้งานอยู่เป็นประจำในทุกๆวัน เพื่อที่จะนำมาประกอบลงกับแผง Test Bed ที่เก็บไว้จากเคสตัวเก่าเก็บเมื่อนานมาแล้ว 555 (อีกรอบ) ก็จะได้ออกมาดังรูปก่อนการเปิดเครื่อง แม๊ๆๆ มันเท่ห์ดีจริงๆเลยครับ เมื่อได้ใส่ร่วมกันกับกราฟฟิคการ์ดใบนี้

และภาพบรรยากาศในขณะจูนอัพระบบ ก่อนเริ่มทำการทดสอบอย่างเต็มรูปแบบ ในแบบฉบับบทความทดสอบฮาร์ดแวร์ชิ้นแรกแห่ง VarietyPC.net