ตำแหน่งด้านล่างซ้าย จะโชว์ฟีเจอร์เด็ดที่มีผสมผสานเข้ามาภายในตัวเครื่องอันได้แก่ UltraBay, HD Webcam, Always-ON USB (ที่สามารถเอาไว้ใช้เสียบชาร์จอุปกรณ์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตผ่านสาย USB ได้ตลอดเวลาอีกด้วย) และเทคโนโลยีเสียงจาก JBL มาให้ด้วยครับ ส่วนทัชแพดที่อยู่ถัดมาก็มีการออกแบบการใช้งานกับการควบคุมด้วยปลายนิ้วที่ ช่วยเพิ่มความแม่นยำมีขนาดพอเหมาะทำได้ดีทีเดียว
ด้านหน้าของตัวเครื่อง (ทางด้านซ้าย) จะเป็นตำแหน่งของไฟแสดงสถานะการทำงานต่างๆ ถัดมาก็จะเป็นพอร์ต Card Reader ที่สามารถรองรับ SD, SDHC, SDXC, MMC, MS, MS Pro และ UltraBay ก็ยังมีมาให้ด้วยครับ
ฟีเจอร์อันโดดเด่นและเป็นฟีเจอร์ชูโรงให้โน้ตบุคระดับไฮเอนด์ Ideapad ตัวนี้เลยก็ว่าได้ ก็คือ พลังขับเคลื่อนด้วยซีพียู Intel Core i7 ที่มีแกนประมวลผลแบบ 4 คอร์ และกราฟฟิคการ์ดแยกอย่าง Nvidia Geforce GT750M ที่สามารถถอดออกจาก UltraBay ด้วยตัวผู้ใช้เองได้ด้วย
น้ำหนักเฉพาะของแบตเตอรี่จะอยู่ที่ 300 กรัม ชนิด Lithium-ion 6 Cell 62Wh.
ตัวกราฟฟิคการ์ด เราสามารถถอดออกได้ตัวเองจากช่อง UltraBay ที่อยู่ด้านขวาของตัวเครื่อง ด้วยการปลดล็อค 2 ตำแหน่งด้านล่างของตัวเครื่อง สำหรับถอดออกมาทำความสะอาดก็ได้ หรือจะสลับเอาไดรฟ์ CD/DVD มาใส่แทนก็ได้ แต่ไดรฟ์ดังกล่าวต้องซื้อมาใส่เพิ่มเองนะครับ และถ้าจะถอด UltraBay ออกมา จะต้องถอดแบตเตอรี่ออกก่อนด้วยนะครับ เพราะจะมีปุ่มล็อคอยู่ด้านล่างของตัวแบตเตอรี่ด้วย ซึ่งตรงนี้ทีแรกก็ทำเอาผมงงอยู่พักใหญ่เลยว่าเขาถอดกันยังไง อิอิ
เมื่อปลดตำแหน่งล็อคทั้ง 2 จุด เราก็สามารถดึงชุดกราฟฟิคการ์ด Nvidia Gefore GT750M ออกมาได้เลยครับ
ด้านบนของชุดกราฟฟิคการ์ด Nvidia Geforce GT750M จะระบุชื่อรุ่นเอาไว้ ส่วนชุดระบายความร้อนจะใช้วัสดุที่เป็นทองแดงทั้งชุดเพื่อช่วยให้การระบาย ความร้อนทำได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
ทางด้านหน้าจอ Full HD ขนาด 15.6 นิ้ว สามารถกางออกได้เต็มที่ 132 องศาครับ
น้ำหนักเฉพาะตัวเครื่องจะอยู่ที่ 2.9 กิโลกรัม ส่วนหนึ่งที่ตัวเครื่องหนักได้ขนาดนี้ ก็เป็นเพราะอุปกรณ์ที่ทาง Lenovo เขาบรรจุเข้ามาให้ใช้งานได้อย่างครบครันนั่นเอง
เมื่อรวมชุดอะแด็บเตอร์เข้าไปด้วยแล้ว รวมๆก็หนักขึ้นถึง 3.54 กิโลกรัมครับ
อุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่องนอกเหนือจากตัวเครื่องที่ทางทีมงานได้นำมารีวิวใน วันนี้ก็ได้แก่ สายไฟ AC 3 ขา, ชุดอะแด็บเตอร์ และคู่มือการใช้งานครับ