วิธีย้ายโฟลเดอร์ Downloads ไปไว้ไดรฟ์อื่นบน Windows 10

2
6363
วิธีย้ายโฟลเดอร์ Downloads ไปไว้ไดรฟ์อื่นบน Windows 10
วิธีย้ายโฟลเดอร์ Downloads ไปไว้ไดรฟ์อื่นบน Windows 10

สำหรับบทความ วิธีย้ายโฟลเดอร์ Downloads ไปไว้ไดรฟ์อื่นบน Windows 10 โฟลเดอร์ Downloads ก็เป็นอีกหนึ่งโฟลเดอร์สำคัญบนระบบปฏิบัติการ Windows ทุกเวอร์ชั่นที่ถูกกำหนดมาเพื่อเอาไว้สำหรับจัดเก็บไฟล์งานหรือไฟล์เอกสารต่างๆ, ไฟล์มัลติมีเดีย, ไฟล์บิททอร์เรนต์, ไฟล์บีบอัด Zip + RAR, ไฟล์ไดร์เวอร์, ไฟล์โปรแกรมซอฟต์แวร์ ที่มีการดาวน์โหลดผ่านหน้าต่างเว็บเบราว์เซอร์โดยผู้ใช้งาน จะถูกเลือกเอาไว้ให้เป็นโฟลเดอร์ลำดับต้นๆให้ผู้ใช้งานเองได้เลือกใช้ เพื่อให้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ต่อการจัดเก็บเอาไว้ที่โฟลเดอร์ Downloads นั่นเอง

แต่ทั้งนี้เมื่อผู้ใช้งานได้เรียกใช้ไฟล์ต่างๆในโฟลเดอร์ Downloads เสร็จแล้ว หากไม่ลบทิ้ง ไฟล์ดังกล่าวจะถูกเก็บไว้อย่างนั้น หรือบางท่านอาจคิดว่าเก็บดังกล่าวเอาไว้ก่อน เผื่อว่าอาจมีโอกาสได้เรียกใช้อีกในภายหลัง แต่บางทีเราอาจจะไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าระบบ Windows 10 ที่ใช้ทำงานกันอยู่เนี่ยจะประสบปัญหาที่ไม่คาดฝันจากปัญหา Windows เจ๊งโดนไวรัสรับประทาน หรือปัญหาอื่นๆที่ทำให้เราไม่สามารถเข้าใช้งาน Windows ได้อีกต่อไปเมื่อไร อีกทั้งอาจต้องทำให้เราต้องทำการติดตั้ง Windows 10 ใหม่ทั้งหมด รวมถึงยังไม่ได้ (ไม่สามารถ) ทำการแบ็คอัพ (สำรอง) ไฟล์สำคัญในโฟลเดอร์ Downloads ออกมาไว้ที่ไดรฟ์อื่นด้วย จะทำให้ไฟล์ในโฟลเดอร์ดังกล่าวหายไปในพริบตาเช่นเดียวกัน

ดังนั้นในบทความนี้ ทางผู้จัดทำก็จะมานำเสนอวิธีการย้ายโฟลเดอร์ Downloads ไปไว้ที่ไดรฟ์อื่น อาจจะเป็นไดรฟ์ D, ไดรฟ์ E ในฮาร์ดดิสก์ลูกเดียวกันหรือฮาร์ดดิสก์ลูกอื่นๆแต่อยู่ในเครื่องเดียวกัน เป็นการตัดปัญหาไฟล์สำคัญที่อยู่ในโฟลเดอร์ Downloads และอยู่ในไดรฟ์ C บนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่เราใช้งานอยู่ออกไปนั่นเอง ด้วยขั้นตอนง่ายๆดังต่อไปนี้ครับ

Note. วิธีการต่อไปนี้ นอกจากใช้กับ Windows 10 แล้ว ยังสามารถใช้กับ Windows 8 และ Windows 7 ได้ด้วยนะ

โดยอันดับแรกดับเบิ้ลคลิกไอคอน This PC ขึ้นมา (หรือจะกดปุ่มคีย์ลัด Windows + E เพื่อเปิดหน้าต่าง File Explorer ขึ้นมาก็ได้) แล้วคลิกขวาที่โฟลเดอร์ Downloads -> เลือก Properties

เมื่อหน้าต่างกำหนดคุณสมบัติ Downloads Properties ถูกเปิดขึ้นมา ให้คลิกที่แท็บ Location แล้วทำการเปลี่ยนพาธไดเรกทอรี่ จาก C:\Users\Gigabyte\Downloads เป็น D:\Users\Downloads โดยจะเป็นการลบลำดับไดเรกทอรี่หรือโฟลเดอร์ Gigabyte (ซึ่งในบทความนี้ชื่อ Gigabyte จะเป็นชื่อเครื่องที่ใช้ในการล็อกอินเข้าสู่ระบบนั่นเอง ของเพื่อนๆท่านอื่นอาจจะใช้ชื่อ Admin หรือชื่ออื่นๆที่ถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรกในขั้นตอนของการติดตั้ง Windows 10) ที่เคยมีบนไดรฟ์ C ออก 1 ขึ้น แล้วเปลี่ยนตำแหน่งไดรฟ์ (พาร์ทิชั่น) เป็นไดรฟ์ D หรือตรงนี้หากเพื่อนๆมีหลายไดรฟ์และไม่อยากเก็บโฟลเดอร์ Downloads เอาไว้ที่ไดรฟ์ D จะย้ายเอาไปไว้ที่ไดรฟ์อื่นก็ได้ และจะเปลี่ยนตำแหน่งพาธไดเรกทอรี่เป็น D:\Downloads ก็ได้ แต่สำหรับในบทความนี้ ทางผมจะยังใช้เป็นพาธไดเรกทอรี่ D:\Users\Download อยู่ ก็เพราะว่า ต้องการย้ายโฟลเดอร์ Document, Music, Pictures และ Videos มาไว้ที่ไดรฟ์และโฟลเดอร์ Users เดียวกันด้วย และมันจะใช้วิธีการเดียวกัน

เมื่อเราทำการแก้ไขตำแหน่งพาธไดเรกทอรี่เสร็จแล้ว ก็ให้ทำการกดปุ่ม Apply 1 ครั้ง จะมีหน้าต่างแจ้งเตือนขึ้นมาว่า ระบบจะให้เราสร้างโฟลเดอร์ Downloads ไว้ที่ไดรฟ์ปลายทาง เราแน่ใจหรือไม่ ก็ให้กด Yes

และจะมีการย้ายไฟล์และโฟลเดอร์ภายในทั้งหมดที่อยู่ในโฟลเดอร์ Downloads ไปไว้ยังพาธไดเรกทอรี่ใหม่ ก็ให้กด Yes

ตรงนี้ระยะเวลาการโอนย้ายจะช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับไฟล์ข้อมูลที่อยู่ภายในโฟลเดอร์ Downloads ว่ามีเยอะหรือน้อยแค่ไหน เสร็จแล้วให้รีสตาร์ทเครื่องใหม่ 1 ครั้งเพื่อให้ตำแหน่งโฟลเดอร์มีการเปลี่ยนแปลงพาธไดเรกทอรี่ในรีจิสตรีของระบบใหม่ เพราะถ้าหากเราไม่ทำการรีสตาร์ทเครื่องใหม่ แล้วยังทำการดาวน์โหลดไฟล์ใหม่เพิ่มเข้ามา ระบบจะทำการสร้างโฟลเดอร์ Download ขึ้นมาใหม่ที่ C:\Users

เมื่อเครื่องบูตเข้าสู่ระบบใหม่ ก็ให้ทดลองเข้าไปดูที่ไดรฟ์ D หรือไดรฟ์ที่เราทำการเปลี่ยนตำแหน่งโฟลเดอร์ไปว่ามีอยู่จริงหรือไม่ และทดลองทำการดาวน์โหลดไฟล์ด้วยเว็บเบราว์เซอร์ดูว่าไฟล์ที่เราทำการดาวน์โหลดไปได้ถูกจัดเก็บเอาไว้ที่โฟลเดอร์ Downloads ของไดรฟ์ใหม่หรือไม่ เพราะถ้าหากยังไม่มี แสดงว่าขั้นตอนดังกล่าวยังทำไม่สำเร็จ ก็ต้องเข้าไปแก้ไขค่าเพิ่มเติมในรีจิสตรีของระบบด้วย (แต่โดยปกติแล้วตำแหน่งพาธไดเรกทอรี่จะมีการเปลี่ยนให้โดยอัตโนมัติ)

โดยกดปุ่มคีย์ลัด Windows + R เพื่อเปิดหน้าต่าง Run แล้วพิมพ์คำสั่ง Regedit -> กด OK

ที่เมนูด้านซ้ายให้เข้าไปที่โฟลเดอร์คีย์ดังต่อไปนี้

Computer\HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\User Shell Folders

ที่พาเนลด้านขวาให้หาคีย์ String ที่เกี่ยวข้อง หรือสังเกตง่ายๆที่หัวข้อ Data ที่มีรายละเอียดแสดงเป็น C:\Users\Username\Downloads เมื่อเจอคีย์ String ดังกล่าวก็ให้ดับเบิ้ลคลิกคีย์ตัวนี้ขึ้นมา แล้วทำการเปลี่ยนค่าในช่อง Value data: ให้เป็นพาธไดเรกทอรี่ที่เรากำหนดไว้ในหน้าต่างกำหนดคุณสมบัติ (Downloads Properties) ให้กับโฟลเดอร์ Downloads ในตอนแรกนั่นเอง

เสร็จแล้วให้ทำการรีสตาร์ทเครื่องใหม่ 1 ครั้ง ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย



บทความก่อนหน้านี้วิธีตั้งค่าปุ่มสลับภาษา Grave Accent บน Windows 10
บทความถัดไปวิธีแก้ปัญหา Notepad ไม่แสดงภาษาไทยบน Windows 10
varietypc
ส่วนตัวชื่นชอบการเขียน, พัฒนาซอร์สโค้ดเว็บไซต์เป็นชีวิตจิตใจ ตลอดจนถึงอัพเดตเนื้อหาทริค, เทคนิคคอมพิวเตอร์ และข่าวสารเทคโนโลยีทุกอย่าง นอกเหนือจากการเคลียร์งานหลักเสร็จเรียบร้อย ก็จะมาทิ้งชีวิตให้กับ VarietyPC.net กันต่อแทบทุกวัน แต่บางครั้งอาจจะไม่ได้อัพเดตเนื้อหา เพราะต้องพัฒนาระบบการจัดการ Backend หลังบ้านไปด้วยและมีคนทำเพียงคนเดียว แม้จะไม่ได้รับผลตอบแทนจากแหล่งใดๆก็ตาม ตอนนี้เว็บไซต์เล็กๆแห่งนี้ก็ใกล้ย่างเข้าปีที่ 13 แล้วครับ และจะยังคงอยู่แชร์ความรู้กับพี่น้อง เพื่อนๆคนไทย และทั่วโลกตลอดไปครับ

2 ความคิดเห็น

คุณคิดเห็นอย่างไรกับข่าว/บทความนี้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่