อินเทล ยืนยันว่าปี 2557 จะเป็นปีแห่งความตื่นตาทางเทคโนโลยี

0
3175
อินเทล ยืนยันว่าปี 2557 จะเป็นปีแห่งความตื่นตาทางเทคโนโลยี
อินเทล ยืนยันว่าปี 2557 จะเป็นปีแห่งความตื่นตาทางเทคโนโลยี

อินเทลยืนยันว่าโลกของเทคโนโลยียังก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งในปี 2557 นี้ นวัตกรรมใหม่ๆที่มีพลังของ อินเทล จะมาในรูปแบบที่หลากหลายกว่าที่เคย และมีการคาดการณ์ว่ายอดขายของอุปกรณ์ไอทีโดยรวมในปี 2557 ทั้งพีซี แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน จะมีจำนวนถึง 2,500 ล้านเครื่องทั่วโลก[i] โดยการคาดการณ์โดย IDC ระบุว่าจะเป็นยอดขายจากตลาดในประเทศไทยถึง 22 ล้านเครื่อง

ในปีนี้ ผู้ใช้งานจะพบว่าคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ(เดสก์ท้อป) รูปแบบใหม่จะเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์แบบ ออลอินวัน ซึ่งประหยัดพื้นที่เพราะไม่จำเป็นต้องมีเคสซีพียู และเหมาะกับการใช้งานที่บ้านหรือในออฟฟิศที่มีพื้นที่จำกัดหรือต้องการความคล่องตัวสูง และจากการที่มีการเปิดเผยรายงานจาก ศูนย์วิจัยของอินเทลในปีที่ผ่านมาว่า คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ มีความเร็วมากกว่าเครื่องที่มีอายุประมาณ 4 ปี ถึง 1.8 เท่าตัว อินเทลจึงยังคงเห็นโอกาสในโลกของคอมพิวเตอร์พีซี ที่ผู้ใช้จำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ และอินเทลยังคงที่จะขับเคลื่อนตลาดนี้ควบคู่ไปกับตลาดใหม่อย่างแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ อินเทลยังยืนยันว่าในปี 2557 นวัตกรรมใหม่ๆจะออกมาสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ใช้งานได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ในปี 2557 นี้ มีการคาดการณ์ว่าตลาดอุปกรณ์โมบายล์เช่น แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนจะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของตลาดอุปกรณ์ไอทีโดยรวม โดยอินเทลจะก้าวเข้าไปมีบทบาทให้มากยิ่งขึ้น และอินเทลเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการเติบโตของตลาดแท็บเล็ต ซึ่งเมื่อรวมกับสถาปัตยกรรมระดับไมโคร อย่างซิลเวอร์มอนท์ ที่มีการเปิดตัวไปแล้ว จะทำให้ตลาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบพกพาเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสถาปัตยกรรมดังกล่าวให้ประสิทธิภาพการประมวลผลสูงกว่ารุ่นที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ถึงประมาณ 3 เท่า หรือประหยัดพลังงานถึงประมาณ 5 เท่าในเมื่อใช้งานในระดับการประมวลที่เท่ากัน[ii]

intel-and-technology-2557-01

โลกของเทคโนโลยีกำลังก้าวไปอีกขั้น

· หนึ่งในการเปิดตัวครั้งสำคัญในปี 2556 ที่ผ่านมาคือ โปรเซสเซอร์ตระกูล อินเทล® คอร์™ เจนเนอเรชั่น 4 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตหลายรายสามารถออกแบบอุปกรณ์ที่เรียกว่า ทูอินวัน ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานให้เป็นได้ทั้งแท็บเล็ต และโน็ตบุ๊ก

· อุปกรณ์แบบคอนเวอร์ทิเบิล (หมุนหน้าจอ หรือพับหน้าจอได้) มอบประสบการณ์การใช้งานที่เป็นธรรมชาติกว่า โดยรวบรวมเอาคุณสมบัติของหน้าจอสัมผัส การสั่งงานด้วยเสียง หน้าจอความละเอียดสูง และบางรุ่นยังมาพร้อมกับความสามารถในการจดจำใบหน้าอีกด้วย

· การเปิดตัวที่สำคัญอีกงานหนึ่งคือ อินเทล® อะตอม™ Z3000 ซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการใช้งานในแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน โปรเซสเซอร์รุ่นนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อรหัสว่า “เบย์ เทรล” ซึ่งกินไฟต่ำ และเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตสามารถออกแบบอุปกรณ์มือถือที่มีความบางและเบาได้ และสามารถออกวางจำหน่ายได้ในหลากหลายราคา

· อินเทลพบว่าราคาของแท็บเล็ตนั้นลดลงในปี 2556 และผู้ผลิตอย่าง เอซุส และเดลล์ ได้เน้นการทำตลาดอุปกรณ์ที่มีอายุแบตเตอร์รี่ที่ยาวนานขึ้น โดยอาศัยสถาปัตยกรรมของ เบย์ เทรล เช่น Asus Transformer Book T100 ที่มีหน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว และการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 11 ชั่วโมง และยังมีอุปกรณ์ไอทีจากกหลากหลายแบรนด์ที่กำลังรอเปิดตัวอยู่

intel-and-technology-2557-02

อินเทล ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเท่าเทียมของการเข้าถึงเทคโนโลยี

· อินเทลให้ความสำคัญกับการศึกษา และยึดมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานรัฐบาลและหน่วยงานการศึกษาเพื่อให้ประชาชนนับล้านทั่วโลกได้เข้าถึงการศึกษา โดยอินเทลมีการลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนการศึกษาระดับโลกเป็นประจำทุกปี

· บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ กสทช ได้ประกาศความร่วมมือในโครงการ “บี อะเมซิ่ง” (Be Amazing) หรือโครงการ “คอมพิวเตอร์ทั่วไทย โครงข่ายทั่วถึง” เพื่อผลักดันการใช้คอมพิวเตอร์ให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น โดยมุ่งเจาะกลุ่มผู้ซื้อหน้าใหม่ โดยเฉพาะเยาวชนระดับอุดมศึกษา ซึ่งเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญอย่างสูงต่อการพัฒนาด้านการศึกษา ซึ่งได้จัดกิจกรรมกระตุ้นการรับรู้ต่อโครงการใน 48 จังหวัดซึ่งส่วนใหญ่เป็นจังหวัดที่การใช้เทคโนโลยียังไม่กว้างขวางมากนัก โดยกิจกรรมต่างๆ ได้เน้นถึงการบรรยายให้ความรู้และการได้ทดลองใช้จริงกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตามสถาบันการศึกษา สหกรณ์ และงานนิทรรศการทางเทคโนโลยี (PC Fair) ต่างๆ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงปลายปี 2556 นี้ ซึ่งโครงการนี้ได้รับความสนใจจากผู้ที่เข้าร่วมงานกว่า 130,000 คน ทั่วประเทศ

intel-and-technology-2557-04

ร่วมเปิดโอกาสให้นักพัฒนาหน้าใหม่ได้แจ้งเกิด

· โครงการ อินเทล ไอเซฟ (The Intel International Science and Engineering Fair) นั้นถือเป็นเวทีการประกวดด้านวิทยาศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนนับล้านได้คิดค้นนวัตกรรมในหลากหลายสาขา โดยมีการกระตุ้นให้พวกเขาร่วมค้นหาวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆตั้งแต่ภัยธรรมชาติ ไปจนถึงการรักษาโรคมะเร็ง โดยปีนี้มีนักเรียนกว่า 1,500 คนทั่วโลกมีโอกาสเดินทางเข้าร่วมนำเสนอผลงานทางความคิด ณ เมืองฟีนิกซ์ รัฐอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา

· สำหรับประเทศไทยนั้น มีนักเรียน ที่ชนะการประกวดด้วยโครงงานทางวิทยศาสตร์อันเยี่ยมยอดดังนี้

สาขาการจัดการสิ่งแวดล้อม

– โครงการ การศึกษาประสิทธิภาพของดินฟอกสีที่ใช้แล้วจากกระบวนการฟอกสีน้ำมันปาล์ม ในการดูดซับโลหะทองแดง

– โครงการ การพัฒนาเครื่องยนตร์สเตอร์ลิง เพื่อใช้ไบโอก๊าซเป็นเชื้อเพลิง

สาขาวิทยาศาสตร์พันธุ์พืช

– โครงการ การศึกษาผลของความชื้นสัมพัทธ์ ขนาดของแรงและจำนวนเส้นขนสัมผ้ส ต่อการหุบของใบต้นกาบหอยแครงชนิด ไดโอเนีย มัสสิพิวล่า เพื่อใช้ประยุกต์สร้างแบบพัฒนานวัตกรรมมือ

intel-and-technology-2557-03

การคาดการณ์จากอินเทล ในปี 2557 ที่จะมาถึงนี้

แบ่งเป็น 4 หมวดหลักดังนี้

1. การเข้าถึงอินเตอร์เน็ต จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ยังคงอัตราการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2556 จะโตประมาณร้อยละ 3 แต่ว่าอาจจะมีโอกาสที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะมีอัตราการเติบโตที่ช้าลง[iii] โดยไอเอ็มเอฟ กล่าวว่าการปฏิรูปทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็นในการที่จะขับเคลื่อนการเติบโตทั่วโลกต่อไป และเพื่อที่จะไปชดเชยอัตราการเติบโตของบางประเทศที่ติดลบ

นายเกรกอรี่ ไบรอัน รองประธานและผู้จัดการทั่วไป อินเทล เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นกล่าวว่า “ทวีปเอเชีย ถือเป็นศูนย์กลางของการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งจะนำความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นมาพัฒนาคุณภาพของทุกชีวิตทั่วโลก และในปี 2557 ที่กำลังจะมาถึงนี้ บริษัทเทคโนโลยีต่างๆในทวีปเอเชีย ยังคงเป็นภูมิภาคที่สำคัญในการพัฒนานวัตกรรมด้านไอที”

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางหมู่บ้านในประเทศที่กำลังพัฒนาจะมีคนที่มีโทรศัพท์มือถือเพียงแค่คนเดียวเพื่อใช้งานการส่งข้อความสั้นเพื่อติดต่อธุระให้กับเพื่อนบ้านทั้งหมู่บ้าน แต่นับจากปีหน้าเป็นต้นไป ทุกชีวิตจะเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ไกลเท่าใดก็ตาม ทั้งภาครัฐและเอกชนจะมีส่วนช่วยผลักดันแนวโน้มนี้ให้เป็นจริงขึ้นได้

2. การพัฒนาด้านการศึกษา

อินเทล คาดการณ์ว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ตลาดในระดับภูมิภาคจะมีการเติบโตขึ้นมาก การที่กลุ่มนักเรียนนักศึกษาจะเป็นเจ้าของอุปกรณ์ไอทีอย่างน้อยคนละเครื่องเริ่มจะเป็นเรื่องปกติมากขึ้น และเทคโนโลยีจะไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไป อย่างไรก็ตามความท้าทายคือการให้ความรู้และมอบอุปกรณ์ไอที พร้อมทั้งการบริการให้แก่กลุ่มประชากรวัยทำงานในเขตพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงเทคโนโลยีอย่างจริงจัง โดยได้รับการศึกษา อุปกรณ์ และบริการที่เหมาะสมกับการใช้งาน

อินเทล เชื่อว่าทุกๆคนควรที่จะได้รับโอกาสทางการศึกษาที่เหมาะสมกับความต้องการและทักษะที่พวกเขามี ดังนั้นจำเป็นต้องมีการสร้างเนื้อหาทางการศึกษาให้เข้าใจง่าย เพื่อที่จะทำให้ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี ได้เปิดใจรับกับสิ่งใหม่ๆได้ง่ายขึ้น และประสบความสำเร็จตามจุดประสงค์ที่วางไว้

โครงการต่างๆที่วางแผนไว้สำหรับการพัฒนาการศึกษานั้น ไม่เพียงแค่ต้องการมอบอุปกรณ์ให้นักเรียนนำไปใช้ประโยชน์เพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่ได้เป็นการรับประกันว่าพวกเขาจะได้รับความรู้อย่างเต็มที่ หรือสามารถพัฒนาทักษะทางการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ได้ เราต้องมุ่งเน้นกับการพัฒนาสถาบันการศึกษา เนื้อหาการสอน รวมถึงครู ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด

3. ผู้บริโภคต้องการสั่งงานและโต้ตอบกับอุปกรณ์ในระดับที่สูงขึ้น

รายงานจาก Gartner ในปี 2013 ระบุว่าอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆนั้น มีความสามารถที่จะเข้าใจมนุษย์และสภาพแวดล้อมได้มากขึ้น หนึ่งตัวอย่างที่เห็นชัดคือ การที่ซอฟท์แวร์มีความสามารถจำเสียงของคนคนหนึ่งได้[iv] อินเทลเองเห็นด้วยกับผลสำรวจดังกล่าว และคาดการณ์ว่าปี 2014 นั้นเทคโนโลยีจะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่น การจำลองการเคลื่อนไหวของมนุษย์ การแปลภาษาจากเสียงพูด การจำลองภาพเสมือนจริง การสั่งงานด้วยท่าทาง และจากอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้

อุปกรณ์ที่สวมใส่ได้นั้น ไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ใหม่เสียทีเดียว เพราะว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาก็มีการเปิดตัวอุปกรณ์ในกลุ่มดังกล่าวไปแล้วหลากหลายรุ่น ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยอินเทล คาดว่าเทรนด์ของอุปกรณ์ที่เป็นส่วนผสมระหว่างเทคโนโลยีและการตอบสนองความต้องการของทุกชีวิตนี้ จะยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วง 1 ถึง 3 ปีข้างหน้า ปัจจุบันอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้สามารถบอกอัตราการเต้นของหัวใจ และจากการที่อุปกรณ์เหล่านี้สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ มันจะสามารถส่งข้อมูลไปยังสถานพยาบาลเพื่อขอความช่วยเหลือได้ทันทีเมื่ออุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณที่ผิดปกติของผู้ใช้งาน นี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของการที่บุคลากรทางการแพทย์และคนไข้สามารถโต้ตอบกันได้โดยตรง

นอกจากนี้ ในปี 2014 นั้นจะเห็นการพัฒนาของกลุ่มความบันเทิงในบ้านจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ หรือเนื้อหาต่างๆ จะมีการออกแบบให้เหมาะกับการชมผ่านอุปกรณ์โมบายล์มากขึ้น และอุตสาหกรรมบันเทิงทั่วโลกก็กำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเช่นกัน

4. บิ๊กดาต้า กรุยทางให้นวัตกรรมใหม่ๆ

อินเทลเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่อุปกรณ์จำนวนกว่า 15,000 ล้านเครื่องจะสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คำถามที่สำคัญคือจะจัดการกับข้อมูลและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร คำถามนี้ทำให้ผู้คนในแวดวงอุตสาหกรรมไอทีหันมาให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เพื่อหาความเป็นไปได้และการจัดการกับข้อมูลดิบ บิ๊กดาต้าจะช่วยให้บริษัทมีการจัดการกับข้อมูลมหาศาลอย่างชาญฉลาดขึ้น และมีความได้เปรียบทางธุรกิจ ซึ่งหน่วยงานต่างๆของรัฐก็จะเดินไปในทิศทางเดียวกัน



บทความก่อนหน้านี้เอซุส ขึ้นอันดับ 1 ผลสำรวจ แบรนด์ระดับโลกไต้หวันปี 2013
บทความถัดไปDell Inspiron 14R และ 15R ใช้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
varietypc
ส่วนตัวชื่นชอบการเขียน, พัฒนาซอร์สโค้ดเว็บไซต์เป็นชีวิตจิตใจ ตลอดจนถึงอัพเดตเนื้อหาทริค, เทคนิคคอมพิวเตอร์ และข่าวสารเทคโนโลยีทุกอย่าง นอกเหนือจากการเคลียร์งานหลักเสร็จเรียบร้อย ก็จะมาทิ้งชีวิตให้กับ VarietyPC.net กันต่อแทบทุกวัน แต่บางครั้งอาจจะไม่ได้อัพเดตเนื้อหา เพราะต้องพัฒนาระบบการจัดการ Backend หลังบ้านไปด้วยและมีคนทำเพียงคนเดียว แม้จะไม่ได้รับผลตอบแทนจากแหล่งใดๆก็ตาม ตอนนี้เว็บไซต์เล็กๆแห่งนี้ก็ใกล้ย่างเข้าปีที่ 13 แล้วครับ และจะยังคงอยู่แชร์ความรู้กับพี่น้อง เพื่อนๆคนไทย และทั่วโลกตลอดไปครับ

คุณคิดเห็นอย่างไรกับข่าว/บทความนี้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่