วิธีแก้ Problem Ejecting USB Mass Storage Device บน Windows 10
ที่มาพร้อมกับรายละเอียด Windows can’t stop your ‘Volume’ device because a program is still using it. Close any programs that might be using the device, and then try again later. ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ใช้งานบางรายไม่สามารถทำการถอดฮาร์ดดิสก์แบบพกพา ( External Harddisk ) ออกจากระบบ Windows 10 แบบปลอดภัยได้ ถอดฮาร์ดดิสก์ออกจากระบบไม่ออก ถอดไม่ได้ หรือจะเรียกอีกอย่างให้เข้าใจกันได้ง่ายขึ้นก็คือ ถอดฮาร์ดดิสก์แบบพกพาโดยการใช้ฟีเจอร์ Safely Remove Hardware and Eject Media ที่อยู่ในตำแหน่งทาสก์บาร์ หรือมุมขวาล่างของหน้าจอ ( Notification area ) นั่นเอง
ทั้งนี้สำหรับผู้ใช้งานบางรายอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อทำการเรียกใช้ Safely Remove Hardware กับการถอดฮาร์ดดิสก์พกพาแบบปลอดภัยแต่ไม่สามารถทำได้ ก็จะใช้วิธีการดึงสายเสียบ USB ออกจากพอร์ตเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เลย ก็จะทำให้ข้อมูลที่ระบบกำลังเรียกใช้งานอยู่นั้นเกิดการเสียหายไปด้วย ดีไม่ดีอาจถึงขั้นฮาร์ดดิสก์ Error จนขึ้นข้อความ Location is not available และไม่สามารถเรียกข้อมูลภายในได้ไปเลยก็มี ยิ่งไปกว่านั้นถ้ามีการดึงฮาร์ดดิสก์พกพาออกดื้อๆอยู่บ่อยๆ สิ่งที่จะตามมาแน่นอน 100% ก็คือ Bad Sector นั่นเอง
การถอดฮาร์ดดิสก์แบบพกพา ( External Harddisk ) ออกจากระบบ Windows 10 แบบปลอดภัยได้สำเร็จ จะต้องเรียกใช้ฟีเจอร์ Safely Remove Hardware / Safe to Remove Hardware เท่านั้น
โดยการถอดฮาร์ดดิสก์พกพาหรือแฟลชไดรฟ์หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอื่นๆหากระบบ Windows ยังทำงานอยู่ ก็ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์ Safely Remove Hardware / Safe to Remove Hardware ซึ่งตัวไอคอนจะเป็นรูปแฟลชไดรฟ์ จะใช้เป็นคลิกขวาหรือคลิกซ้ายก็แล้ว แล้วเลือก Eject
หรือจะเข้าไปที่หน้าต่าง Control Panel -> Devices and Printers -> เลือกอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล -> Remove device ก็ได้
จะมีหน้าต่างถาม Are you sure you want to remove this device? ก็ให้คลิก Yes เพื่อให้ระบบทำการถอดอุปกรณ์
Note. จริงๆแล้วปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับเฉพาะ Windows 10 เท่านั้น แต่ยังเกิดกับเพื่อนๆที่ใช้ Windows 8 และ Windows 7 อีกด้วย
โดยการรีสตาร์ทระบบใหม่จะเป็นการปิดแอพพลิเคชั่นหรือโปรแกรมทั้งหมด รวมถึงอาจมีบุคคลที่ 3 โดยมัลแวร์/ไวรัสที่แฝงตัวอยู่ในฮาร์ดดิสก์พกพา ( External Harddisk ) แบบ Hidden files หรือ Hidden folders ( ซ่อนไฟล์ / ซ่อนโฟลเดอร์ ) ให้หยุดการทำงานโดยฟีเจอร์ AutoPlay ซึ่งการทำงานของมัลแวร์/ไวรัสส่วนใหญ่จะทำงานโดยอัตโนมัติได้ก็ต่อเมื่อมีการเสียบฮาร์ดดิสก์พกพาเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์เท่านั้น เว้นแต่มีมัลแวร์/ไวรัสฝังตัวไว้ในระบบ Windows ของเราด้วยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อมีการรีสตาร์ทระบบกลับมาใหม่ เราก็สามารถทำการเรียกใช้ Safely Remove Hardware ได้ทันที แต่ทั้งนี้ถ้าหากเพื่อนๆไม่ได้ใช้งานหรือหยุดการใช้งานคอมพิวเตอร์แล้วการจะรีสตาร์ทระบบกลับเข้ามาใหม่ จะทำให้เสียเวลา โดยเฉพาะเวลาที่เร่งรีบ ก็ให้ทำการปิดเครื่อง ( Shutdown ) แล้วทำการถอดอุปกรณ์ฮาร์ดดิสก์พกพาออก จะง่ายและรวดเร็วกว่า
ซึ่งตัว Troubleshooters จะมีไว้สำหรับวิเคราะห์และช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างฮาร์ดแวร์กับอุปกรณ์เชื่อมต่อจากภายนอกให้โดยอัตโนมัติที่มีการเรียกใช้ด้วยตัวเราเอง
สามารถทำได้ด้วยการเรียกใช้งานหน้าต่าง Control Panel -> ที่หัวข้อ Hardware and Sound เลือกหัวข้อ View devices and printers
คลิกขวาที่อุปกรณ์ฮาร์ดดิสก์พกพา -> เลือก Troubleshoot
แล้วรอจนระบบทำการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับฮาร์ดดิสก์พกพาจนเสร็จ
ขั้นตอนนี้จะเป็นการสั่งให้ระบบทำการตรวจสอบไดร์เวอร์ USB ในระบบ Windows ใหม่ด้วยเครื่องมือ Device Manager ว่าไดร์เวอร์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องหรือไม่ เพราะบางครั้งตัวฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์บันทึกข้อมูลอาจมีรุ่นเก่าเกินไปจนระบบไม่รู้จักและสามารถทำการติดตั้งไดร์เวอร์แบบอัตโนมัติได้
ก็ให้ทำการลบอุปกรณ์ฮาร์ดดิสก์พกพาออกจากระบบก่อนด้วยเมนู Uninstall device
แล้วให้ระบบทำการสแกนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่อีกครั้ง
ตรงนี้หากระบบ Windows ทำการสแกนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่แล้ว แต่ระบบยังไม่รู้จัก ผู้ใช้งานก็ต้องทำการสั่งอัพเดตไดร์เวอร์ใหม่ด้วยตนเอง ซึ่งระบบจะทำการดาวน์โหลดไดร์เวอร์ผ่าน Windows Update มาติดตั้งให้ใหม่
หลังจากนี้เมื่อ Windows 10 ที่เราใช้งานอยู่ รู้จักอุปกรณ์บันทึกข้อมูลแบบพกพาแล้ว ในทุกๆครั้งที่เราต้องการให้ระบบทำการถอดอุปกรณ์ออกก่อนดึงอุปกรณ์ออกจากพอร์ตเสียบ USB เราก็สามารถเรียกใช้ Safely Remove Hardware / Safe to Remove Hardware ที่ Notification area ได้แล้วครับ
