ทำความรู้จักกับการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2-Step Verification)
2FA คืออะไร?
การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน หรือที่รู้จักกันในชื่อ 2FA (Two-Factor Authentication) คือระบบรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มชั้นการป้องกันให้กับบัญชีผู้ใช้งาน โดยนอกเหนือจากการใส่รหัสผ่านแล้ว ยังต้องยืนยันตัวตนอีกหนึ่งขั้น เช่น ใส่รหัส OTP จากมือถือ หรือกดยืนยันผ่านแอป Google Authenticator
ทำไม Google ถึงแนะนำให้เปิดใช้ 2FA?
-
เพิ่มความปลอดภัยหากรหัสผ่านรั่วไหล
-
ป้องกันการแฮกบัญชีแม้ผู้ไม่หวังดีรู้รหัสผ่าน
-
ลดความเสี่ยงในการถูกขโมยข้อมูลหรือการเงิน
-
ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลสำคัญใน Gmail, Google Drive ฯลฯ
แล้วทำไมบางคนถึงต้องการปิด 2FA?
-
ลืมอุปกรณ์หรือเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่
-
ยืนยันตัวตนไม่ได้ ทำให้ล็อกอินลำบาก
-
บัญชีไม่ได้ใช้งานบ่อย จึงต้องการความง่ายในการเข้าถึง
วิธีปิดการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2FA) ของ Google อย่างละเอียด
ขั้นตอนการปิด 2FA Google ผ่านคอมพิวเตอร์หรือมือถือ
ต่อไปนี้คือขั้นตอนง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำตามได้ทีละขั้น:
1. เข้าสู่บัญชี Google
-
ลงชื่อเข้าใช้งานด้วยอีเมลและรหัสผ่านของคุณ
2. ไปที่เมนู “ความปลอดภัย” (Security)
-
มองที่แถบด้านซ้ายมือ เลือกหัวข้อ “ความปลอดภัย”
-
เลื่อนลงไปหาหัวข้อ “การลงชื่อเข้าใช้ Google”
3. คลิกที่ “การยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน”
-
ระบบจะพาคุณไปที่หน้า 2-Step Verification
-
อาจมีการขอให้คุณยืนยันรหัสผ่านอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย
4. ปิดการใช้งาน 2FA
-
เลื่อนลงไปคลิกปุ่ม “ปิดใช้งาน”
-
ยืนยันอีกครั้งในหน้าต่างใหม่โดยกด “ปิด”
คำแนะนำด้านความปลอดภัยหากคุณต้องการปิด 2FA
สิ่งที่ควรทำหลังจากปิดการยืนยันแบบสองขั้นตอน
เพื่อให้บัญชีของคุณยังคงปลอดภัยแม้ไม่ได้เปิด 2FA:
– เปลี่ยนรหัสผ่านให้รัดกุม
-
ควรมีตัวอักษรพิเศษ (เช่น !@#)
-
มีตัวพิมพ์ใหญ่/เล็ก ตัวเลข และไม่น้อยกว่า 12 ตัวอักษร
-
หลีกเลี่ยงการใช้วันเกิดหรือชื่อเล่น
– ตรวจสอบกิจกรรมล่าสุดในบัญชี
-
กลับไปที่หน้า บัญชี Google
-
ตรวจสอบว่ามีการเข้าสู่ระบบจากอุปกรณ์ที่คุณไม่รู้จักหรือไม่
– ใช้โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน
-
ช่วยให้คุณตั้งรหัสผ่านที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องจำ
-
ตัวอย่างเช่น LastPass, 1Password หรือ Bitwarden
เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการใช้ 2FA
ข้อดีของการเปิดใช้งาน 2FA
-
ปลอดภัยสูง ลดโอกาสถูกแฮก
-
รองรับหลายช่องทาง (SMS, แอป, อีเมล)
-
ป้องกันข้อมูลส่วนตัวใน Gmail, Drive, Photos ฯลฯ
ข้อเสียของการใช้งาน 2FA
-
❌ ถ้าไม่มีอุปกรณ์มือถือ อาจล็อกอินไม่ได้
-
⏱️ ใช้เวลามากขึ้นในการเข้าสู่ระบบ
-
ต้องอัปเดตอุปกรณ์เมื่อเปลี่ยนเครื่อง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ 2FA Google
ปิด 2FA แล้วเปิดใหม่ได้ไหม?
ได้แน่นอน คุณสามารถเปิดใช้งานใหม่ได้ตลอดเวลา โดยกลับไปที่หน้า “การยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน” แล้วกด “เปิดใช้งาน”
ถ้าไม่มีมือถือ จะปิด 2FA ได้ไหม?
ถ้าคุณยังเข้าสู่บัญชีได้ผ่านอุปกรณ์ใด ๆ คุณสามารถปิด 2FA ได้โดยไม่ต้องใช้มือถือเดิม แต่ถ้าล็อกอินไม่ได้เลย อาจต้องติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Google
ปิด 2FA แล้วจะมีผลอะไรกับ Gmail และ YouTube หรือไม่?
ไม่มีผลต่อการใช้งาน Gmail, YouTube, Google Drive หรือบริการอื่น ๆ ของ Google คุณยังสามารถใช้งานตามปกติได้ทันที
สรุป: ควรปิด 2FA หรือไม่?
เหมาะกับใครที่ควร “ปิด” 2FA
-
ผู้ที่ลืมโทรศัพท์หรือไม่ได้ใช้อุปกรณ์ประจำ
-
ผู้ที่มีบัญชีไม่สำคัญหรือใช้บัญชีทดสอบ
-
ผู้ที่ประสบปัญหาด้านเทคนิคในการยืนยันตัวตน
แต่หากคุณต้องการความปลอดภัยขั้นสูง…
การ เปิดใช้ 2FA ถือว่าเป็นวิธีป้องกันที่สำคัญในยุคดิจิทัล และเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีข้อมูลสำคัญ เช่น:
-
เจ้าของธุรกิจ
-
ผู้ใช้บัญชี Gmail ในการติดต่อธุรกิจ
-
ผู้มีการเชื่อมต่อบัตรเครดิต / บัญชีธนาคาร
วิธีเปิด 2FA ใหม่อีกครั้ง (กรณีเปลี่ยนใจ)
ขั้นตอนเปิด 2FA Google ใหม่
-
เข้าสู่ บัญชี Google
-
ไปที่ “ความปลอดภัย”
-
เลือก “การยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน”
-
คลิก “เปิดใช้งาน”
-
เลือกวิธีรับรหัสผ่าน เช่น:
-
SMS
-
แอป Google Authenticator
-
อุปกรณ์สำรอง
-
สรุปเนื้อหาทั้งหมดในรูปแบบ Bullet Points
-
✅ 2FA คือการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน
-
✅ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของบัญชี Google
-
❌ การปิด 2FA อาจทำให้บัญชีเสี่ยงถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
-
วิธีปิด 2FA ทำได้ง่ายผ่าน myaccount.google.com
-
⚠️ แนะนำให้ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรงเมื่อปิด 2FA
-
สามารถกลับมาเปิดใหม่ได้ทุกเมื่อ และคุณสามารถอ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สมาร์ทโฟน เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพราะธรรมชาติรู้ดีที่สุด — Pipat Skin เลือกใช้ สารสกัดว่านหางจระเข้แท้ 100% สบู่สมุนไพรอโลเวร่า ผสานสมุนไพรธรรมชาติ เพื่อดูแลผิวคุณอย่างอ่อนโยนทุกวัน