Thai & English Word Counter
นับคำ/ตัวอักษร • เวลาอ่าน • เวลาเล่า
การตั้งค่า (เบต้า)
Intl.Segmenter ในเบราว์เซอร์สำหรับการแยกคำภาษาไทย หากอุปกรณ์ไม่รองรับจะใช้วิธีสำรองแบบประมาณค่าทำไม “การนับคำ” ถึงสำคัญกว่าที่คิด
ในยุคที่ทุกอย่างแข่งกันที่ “คอนเทนต์” ไม่ว่าจะเป็นบทความ SEO, รายงาน, การบ้าน, นิยาย, โพสต์โซเชียล หรือสคริปต์วิดีโอ จำนวนคำ (Word Count) ไม่ใช่แค่ตัวเลขธรรมดา แต่เป็นตัวกำหนดคุณภาพและประสิทธิภาพของงานเขียนเลยก็ว่าได้
หลายแพลตฟอร์มจะกำหนดจำนวนคำขั้นต่ำ–สูงสุด เช่น
-
บทความ SEO มักแนะนำให้มีอย่างน้อย 800–1,500 คำ
-
รายงานหรือเรียงความมักกำหนดจำนวนคำชัดเจน
-
แคปชันโซเชียลต้องกระชับแต่ครบ เพื่อดึงดูดการมีส่วนร่วม
เพราะแบบนี้เอง เครื่องมือ Word Count ออนไลน์ จึงกลายเป็นตัวช่วยหลักของทั้งนักเขียน นักเรียน บล็อกเกอร์ และสายทำคอนเทนต์มืออาชีพ
Word Count ออนไลน์คืออะไร และทำอะไรได้บ้าง
เครื่องมือ Word Count ออนไลน์ คือเว็บแอปสำหรับ
-
นับจำนวนคำ (Word)
-
นับจำนวนตัวอักษร (Character) ทั้งรวม/ไม่รวมช่องว่าง
-
นับจำนวนประโยค (Sentence)
-
นับจำนวนย่อหน้า (Paragraph)
-
ประมาณเวลาอ่าน และเวลาเล่า/พูด
บนเว็บไซต์ VarietyPC.net ก็มีบริการ Thai & English Word Counter ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ VarietyPC.net
สิ่งที่โดดเด่นคือรองรับภาษาไทยได้ดี เพราะมีการใช้ Intl.Segmenter ของเบราว์เซอร์เพื่อช่วยตัดคำไทยให้แม่นยำมากขึ้น และถ้าอุปกรณ์ไม่รองรับก็ยังมีวิธีสำรองในการประมาณค่าจำนวนคำให้อีกด้วย VarietyPC.net
จุดเด่นของ Word Count ออนไลน์สำหรับภาษาไทยและอังกฤษ
ฟีเจอร์หลักที่ควรมองหา
เมื่อเลือกใช้เครื่องมือนับคำออนไลน์ที่ดี ควรมีคุณสมบัติดังนี้
-
รองรับหลายภาษา – อย่างน้อยไทยและอังกฤษ
-
นับคำ–ตัวอักษรแบบละเอียด
-
คำทั้งหมด
-
ตัวอักษรรวมช่องว่าง
-
ตัวอักษรไม่รวมช่องว่าง
-
-
บอกจำนวนประโยคและย่อหน้า
-
ประมาณเวลาอ่าน (Reading Time)
-
ประมาณเวลาเล่า/พูด (Speaking Time)
-
รองรับข้อความยาว ๆ ได้ ไม่หน่วง
-
ใช้งานบนเบราว์เซอร์ได้ทันที ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม
ฟีเจอร์เสริมที่ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น
เครื่องมืออย่างบน VarietyPC เพิ่มความสะดวกด้วยเมนูต่าง ๆ เช่น VarietyPC.net
-
ปุ่ม ล้างข้อความ – เคลียร์พื้นที่พร้อมเริ่มใหม่ในคลิกเดียว
-
ปุ่ม คัดลอกผลลัพธ์ – เอาจำนวนคำไปวางต่อในที่อื่นได้ทันที
-
ปุ่ม บันทึกปัจจุบัน – เก็บงานที่นับแล้วไว้ดูย้อนหลัง
-
เมนู ประวัติการนับ – ย้อนดูสถิติงานครั้งก่อน ๆ
-
ปุ่ม ดาวน์โหลดเป็นไฟล์ .txt – เหมาะมากสำหรับคนทำงานเอกสาร
ทั้งหมดนี้ทำให้ Word Count ออนไลน์ไม่ได้เป็นแค่ “ตัวเลข” แต่เป็นเครื่องมือจัดการงานเขียนทั้งระบบ
วิธีใช้งาน Word Count ออนไลน์แบบทีละขั้นตอน
ขั้นตอนการใช้งานเบื้องต้น
1. เตรียมข้อความ
-
พิมพ์ข้อความของคุณในโปรแกรมที่ถนัด เช่น Word, Google Docs หรือเขียนสดในกล่องข้อความของเว็บก็ได้
2. วางข้อความในกล่อง Word Count
-
เปิดหน้าเว็บเครื่องมือ Word Count
-
เลือกกล่องข้อความหลัก
-
วาง (Paste) เนื้อหาที่ต้องการตรวจจำนวนคำ
3. ตรวจดูผลลัพธ์
คุณจะเห็นตัวเลขต่าง ๆ เช่น
-
จำนวนคำทั้งหมด
-
จำนวนคำภาษาไทย
-
จำนวนคำภาษาอังกฤษ
-
จำนวนตัวอักษรรวม/ไม่รวมช่องว่าง
-
จำนวนประโยคและย่อหน้า
-
เวลาอ่านโดยประมาณ
-
เวลาเล่า/พูดโดยประมาณ
4. ปรับแต่งเนื้อหาให้ตรงเป้าหมาย
-
ถ้า คำยังไม่ถึง เป้าที่ต้องการ → เพิ่มตัวอย่าง ขยายคำอธิบาย หรือเพิ่มหัวข้อย่อย
-
ถ้า คำเยอะเกินไป → ตัดส่วนที่ซ้ำซ้อน ใช้ประโยคสั้นลง และตัดคำฟุ่มเฟือย
การตั้งค่าเพิ่มเติม (สำหรับสายละเอียด)
อัปเดตขณะพิมพ์
บางเครื่องมือมีตัวเลือก “อัปเดตขณะพิมพ์” หมายถึง เมื่อคุณพิมพ์หรือแก้ไขข้อความ ตัวเลขจำนวนคำและตัวอักษรจะขยับแบบเรียลไทม์ เหมาะมากกับ
-
คนที่ต้องเขียนให้ไม่เกินจำนวนคำที่กำหนด
-
คนเขียนสคริปต์ ที่ต้องควบคุมเวลาเล่า/พูด
โหมดข้อความขวา→ซ้าย
บางภาษา เช่น ภาษาอาหรับ ใช้การจัดเรียงตัวอักษรจากขวาไปซ้าย เครื่องมือที่มีโหมดนี้ จะช่วยให้การแสดงผลข้อความถูกต้องตามรูปแบบภาษานั้น ๆ ด้วย VarietyPC.net
เหมาะกับผู้ใช้หลายภาษา
ถ้าคุณทำงานแปลเอกสาร หรือเขียนหลายภาษาในชิ้นเดียว การมีโหมดรองรับทิศทางตัวอักษรที่แตกต่าง จะช่วยให้คุณตรวจเนื้อหาได้สะดวกและลดความผิดพลาดลง
ใช้ Word Count ให้ได้เปรียบเรื่อง SEO
จำนวนคำกับอันดับบน Google
สำหรับสายทำเว็บและ Blogger การดูแค่ “มีคำครบตามที่ลูกค้าสั่งหรือยัง” ยังไม่พอ ต้องมองในมุม SEO ด้วย เช่น
-
บทความให้ความรู้: ควรมีเนื้อหาเชิงลึกพอสมควร (มัก 1,000 คำขึ้นไป)
-
บทความรีวิวสินค้า: ควรมีทั้งข้อมูล, ความเห็นส่วนตัว, การเปรียบเทียบ และข้อดี–ข้อเสีย
-
บทความตอบคำถาม (How-to / Q&A): เน้นตอบตรงคำถาม แต่ก็ต้องมีรายละเอียดสนับสนุน
จำนวนคำที่เหมาะสมช่วยให้
-
Google เข้าใจเนื้อหาของเพจได้ดีขึ้น
-
ผู้อ่านรู้สึกว่าเนื้อหาครบ ไม่ขาดตกบกพร่อง
-
เพิ่มเวลาอยู่หน้าเว็บ (Dwell Time) ซึ่งดีต่อภาพรวม SEO
วิธีใช้ Word Count ในการวางแผนบทความ
ลองใช้โครงนี้เวลาเตรียมบทความ SEO:
-
ตั้งเป้าจำนวนคำ – เช่น 1,000–1,500 คำ
-
วางโครงหัวข้อ (Outline) – H1, H2, H3 ให้ครบ
-
แบ่งจำนวนคำต่อหัวข้อ
-
อินโทร: 100–150 คำ
-
เนื้อหาหลักแต่ละ H2: 200–400 คำ
-
สรุป: 100–200 คำ
-
-
เขียนเนื้อหาตามโครง แล้วคอยใช้ Word Count เช็กจำนวนคำไปด้วย
คำแนะนำ: อย่า “ยัดคำ” เพื่อให้ครบ 1,000 คำ แต่ให้เน้นเพิ่มเนื้อหาที่มีประโยชน์จริง เช่น ตัวอย่าง เคล็ดลับ หรือคำอธิบายที่ผู้อ่านได้ใช้ต่อ
ตัวอย่างการใช้ Word Count ในชีวิตประจำวัน
สำหรับนักเรียน–นักศึกษา
-
ตรวจความยาว เรียงความ รายงาน งานเขียนส่งอาจารย์
-
คุมจำนวนคำให้ตรงตามเกณฑ์ ไม่ขาด–ไม่เกินมากไป
-
วัดเวลาอ่านหรือพูด ถ้าต้องไปพรีเซนต์หน้าชั้น
สำหรับคนทำคอนเทนต์
-
ตรวจความยาวบทความก่อนโพสต์ลงเว็บหรือบล็อก
-
คุมความยาว แคปชัน Facebook / IG / TikTok ให้กระชับแต่ครบใจความ
-
กะเวลาเล่าในคลิปหรือไลฟ์จากจำนวนคำในสคริปต์
สำหรับนักเขียนนิยาย / เรื่องสั้น
-
ตั้งเป้าเขียนวันละ X คำ เช่น 500–1,000 คำ แล้วใช้ Word Count เช็กความก้าวหน้า
-
แบ่งตอนให้พอดีกับแพลตฟอร์มที่ลง เช่น ตอนละ 2,000–3,000 คำ
เคล็ดลับเขียนคอนเทนต์ให้ทั้ง “ยาวพอ” และ “น่าอ่าน”
ใช้หัวข้อ H2–H5 ให้เป็นระบบ
-
H1 – ชื่อบทความหลัก (มีคีย์เวิร์ดสำคัญ)
-
H2 – หัวข้อใหญ่ แบ่งส่วนสำคัญของเนื้อหา
-
H3 – หัวข้อย่อยลงมาขยายรายละเอียด
-
H4 – ใช้แบ่งย่อยภายใน H3 เช่น ขั้นตอน, เคล็ดลับเฉพาะ
-
H5 – เน้นจุดเล็ก ๆ เพิ่มตัวอย่างหรือคำอธิบายเสริม
การจัดหัวข้อแบบนี้ช่วยให้
-
ผู้อ่านสแกนเนื้อหาได้เร็ว
-
Google เข้าใจโครงสร้างคอนเทนต์ได้ดีขึ้น
-
คุณวางแผนจำนวนคำในแต่ละส่วนได้ง่ายขึ้น
ใช้ Bullet Points / ลิสต์ ช่วยให้เนื้อหาอ่านง่าย
ลองใช้จุด bullet หรือ numbered list เมื่อคุณต้องการ:
-
สรุปข้อดี–ข้อเสีย
-
แสดงขั้นตอนทีละข้อ
-
ยกตัวอย่างหลาย ๆ ข้อในหัวข้อเดียว
เช่น
-
ทำให้ผู้อ่านไม่รู้สึกว่าเจอ “กำแพงตัวหนังสือ”
-
เพิ่มโอกาสให้ผู้อ่านเลื่อนอ่านต่อจนจบ
-
ช่วยเน้นจุดที่สำคัญต่อการตัดสินใจของผู้อ่าน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Word Count ออนไลน์
FAQ – รวมข้อสงสัยยอดฮิต
Word Count ออนไลน์เชื่อถือได้แค่ไหน?
ส่วนใหญ่เชื่อถือได้มาก โดยเฉพาะเครื่องมือที่ใช้ระบบแยกคำสากลหรือฟังก์ชันเฉพาะของเบราว์เซอร์อย่าง Intl.Segmenter สำหรับภาษาไทย แต่ละเว็บอาจให้ผลต่างกันเล็กน้อย โดยเฉพาะภาษาไทยที่การตัดคำซับซ้อนกว่าอังกฤษ
จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมไหม?
ไม่จำเป็น เครื่องมือส่วนใหญ่ใช้งานผ่านเว็บได้เลย แค่เปิดเบราว์เซอร์แล้ววางข้อความลงไปก็เริ่มนับได้ทันที
ใช้งานบนมือถือได้หรือเปล่า?
โดยมากรองรับการใช้งานบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต คุณสามารถคัดลอกข้อความจากแอปโน้ตหรือเอกสาร แล้ววางลงในหน้าเว็บเพื่อเช็กจำนวนคำได้เลย
เหมาะกับใครบ้าง?
-
นักเรียน–นักศึกษา
-
นักเขียนบล็อก, สาย SEO
-
คนทำสคริปต์วิดีโอ, Podcast
-
นักเขียนคอนเทนต์โซเชียล
-
คนทั่วไปที่ต้องส่งเอกสารตามจำนวนคำที่กำหนด
สรุปง่าย ๆ คือ Word Count ออนไลน์ภาษาไทย–อังกฤษ เป็นเครื่องมือที่ควรมีติดบุ๊กมาร์กไว้เลย โดยเฉพาะถ้าคุณต้องเขียนอะไรอยู่เป็นประจำ การรู้จำนวนคำที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณ
-
วางแผนโครงเรื่องและความยาวได้ดีขึ้น
-
ทำคอนเทนต์ให้ตรงโจทย์ทั้งคนอ่านและ SEO
-
ประหยัดเวลาเช็กงาน และลดโอกาสพลาดเงื่อนไขจำนวนคำ

























